มาติช กับภาพกองกลางพลังเต่า แมนยู เคลื่อนที่ช้า แปะบอลสั้นๆไปมา, เอร์เรร่า ที่มีหน้าที่หลักคือการประกบตายอาซาร์ นอกจากนั้นก็แทบไม่ได้เป็นตัวจริงในทีม และ ป็อกบา ที่ทุกคนต่างมองว่า แทนที่จะเป็นตัวตัดเกม ดันเป็นตัวตัดผมเล่นไม่สมค่าตัวแบบนี้ ขายทิ้งไปดีกว่า

แต่เมื่อน้าลูกอมคนดีคนเดิมกลับเข้ามาคุมทีมแบบชั่วคราว สามหน่อแดนกลางที่กล่าวมาก็กลายมาเป็นพระเอกตัวจริงที่ลงเล่นถึง 10 ใน 13 เกมแรกของโซลชา และถูกวางเป็นตัวหลักในแดนกลาง ต่างจากในยุคก่อน ที่มูรินโญ่มักจะสลับสับเปลี่ยนนักเตะใช้มั่วไปหมด โดยคราวนี้ มีมาติชโฮลด์บอลอยู่ตรงกลาง ป็อกบาเคลื่อนเกมอยู่ทางซ้าย และเอร์เรร่าเป็นตัวไล่บอล คอยวิ่งอยู่ทางขวา

ซึ่งสตาร์แมนอย่างป็อกบาก็ถูกให้อิสระ โดยเมื่อเขาลงเล่นมักจะได้รับหน้าที่เป็นเพลเมคเกอร์ตัวฟรีที่วิ่งพล่านไปทั่วสนาม และบ่อยครั้งที่เขามีโอกาสดันสูงขึ้นมาอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า

อันนี้ไม่ใช่พูดมั่วๆนะครับ เพราะผมอ้างอิงจากสถิติเชิงลึกของสื่ออังกฤษอย่างเทเลกราฟ ที่ระบุว่าป็อกบา มีสัมผัสบอลน้อยลงในยุคของโซลชา แต่ที่เปลี่ยนไปได้ชัดเลยคือ จอมทัพเลือดน้ำหอมมีสถิติที่ดีขึ้นในด้านของโอกาสยิง, การสร้างโอกาสให้เพื่อน, การสกัดบอล, และการทำลายจังหวะฝั่งตรงข้าม

ซึ่งถ้านับจนถึงเกมเอฟเอคัพที่โซลชานำทัพผีบุกตีถ้ำสิงห์บลูส์ได้ 2-0 ป็อกบามีส่วนร่วมไปแล้วกับ 15 ประตูจากการลงเล่นแค่ 12 นัด ในขณะที่มีส่วนร่วมกับประตูในยุคของจ่ามูเพียง 9 ลูกจาก 20 เกม จนกองกลางจอมกวนที่แสนน่ามคานในยุคของมูรินโญ่ กลายเป็นนักเตะสมราคาค่าตัวสถิติสโมสรเฉยเลย